การทำ Local SEO คืออะไร ดีต่อธุรกิจในพื้นที่อย่างไร?
Local SEO คืออะไร ต่างจาก SEO แบบเดิมเดิมๆ อย่างไร?
ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพของ Local SEO ว่าคืออะไร ตัวอย่างนี้น่าจะช่วยได้ ……เคยไหมเวลานึกอยากจะหาร้านของกิน หรือเครื่องดื่มต่างๆ คุณจะต้องแวะมาพึ่ง Google เช่น เมื่อคุณซึ่งอยู่แถวลาดพร้าวลองพิมพ์คำว่า “ร้านกาแฟ” Google จะแสดงผลขึ้นมาภายในเสี้ยววินาทีมากกว่า 6 ล้านรายการ และคุณเชื่อไหมว่า การแสดงผลในหน้าแรกของ Google ที่คุณเห็น “จะแตกต่าง” กับเพื่อนคุณอีกคนซึ่งอยู่เขตคลองเตย และพิมพ์คำว่า “ร้านกาแฟ“ เหมือนกัน
การแสดงผลที่แตกต่างกันเช่นนี้ เนื่องจาก Google ต้องการให้การค้นหาของคุณมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น หรือที่เรียกว่า ระบบ “Personalized search“ เพราะ Google มีฐานข้อมูลประวัติการใช้งาน พฤติกรรมในการค้นหาของคุณ และก็จะประมวลผลออกมาเมื่อคุณเริ่มการค้นหา เรียกได้ว่า “เอาใจคุณยิ่งกว่าแฟน” เสียอีก เพราะคุณจะเห็นผลลัพธ์ของ “ร้านกาแฟ” แถวลาดพร้าวผุดขึ้นมาเพียบเลย ซึ่งล้วนเป็นร้านที่อยู่ในรัศมีใกล้คุณ และสะดวกต่อการเดินทางของคุณมากที่สุด
นั่นเป็นผลจากการที่เว็บไซต์มีการทำ SEO แบบ “Local SEO” เพื่อให้รองรับกับ Algorithm ของ Google ที่ต้องการตอบโจทย์ผู้ค้นหาในแต่ละพื้นที่ หรือพูดง่ายๆ คือ “การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาของผู้ที่ค้นหา ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับธุรกิจเรา”
คุณจะสังเกตได้ว่าการแสดงผลแบบ “Local SEO” จะมีความสวยงามกว่าการแสดงผลตามปกติ เช่น คุณจะเห็นแผนที่ เห็นภาพประกอบของร้าน เห็นรีวิวจากลูกค้า เห็นที่การตั้งของร้าน เบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ รายละเอียดเหล่านี้ล่ะ ที่จะเป็นแรงกระตุ้นให้คุณอยากคลิกเข้าไปชมเว็บไซต์ เพราะคุณคงอยากทราบว่าร้านกาแฟเดินทางไปอย่างไร ลูกค้าแวะดื่มแล้วคอมเมนต์รสชาติดีไหม บรรยากาศของร้านดีหรือไม่..นั่นแหละค่ะ คือ เสน่ห์ของ “Local SEO”
การทำ “Local SEO” คุณเพียงแค่เพิ่มข้อมูลของร้านค้าเข้าไปใน “google business places” จากนั้นก็ใส่รายละเอียดของร้านค้า ที่อยู่ เวลาเปิดปิด รูปภาพประกอบ รีวิวจากลูกค้า เบอร์ติดต่อ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการคลิกได้มากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจประเภทที่มีหน้าร้าน และต้องการให้เกิดกิจกรรมทางธุรกิจภายในร้าน อย่างเช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านนวด โรงเรียนสอนดนตรี หรือ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ เป็นต้น
นอกจากนี้ เว็บไซต์คุณควรจะติดตั้ง Google Analytics ด้วยซึ่งสามารถติดตั้งได้ฟรี เพื่อที่ Google จะได้เก็บข้อมูลของเว็บไซต์ และนำมาวิเคราะห์ประกอบการจัดอันดับได้ หรือหากคุณไม่ติดตั้ง…Google ก็ยังมีช่องทางที่จะรู้ค่าสถิติต่างๆ ของเว็บไซต์คุณได้ด้วยระบบ “Google Chrome”
ทั้งนี้ การทำ“Local SEO” จะช่วยดึงดูดคนในพื้นที่ คลิกเข้าเว็บไซต์มากขึ้น มันก็จะสอดรับกับกฎเกณฑ์ของ Google ที่ได้ให้น้ำหนักในการจัดอันดับด้วยค่า CTR (Click through rate) หากมีค่านี้สูง จะสะท้อนว่าเว็บนี้มีคุณภาพ ก็จะได้อยู่ในอันดับที่ดี โดยค่า CTR คำนวณได้จาก “จำนวนครั้งที่เกิดการคลิกเข้าเว็บ หารด้วยจำนวนครั้งของการแสดงผล คูณ 100“ ก็จะได้ค่าออกมาเป็นร้อยละ เช่น เว็บคุณแสดงผลการค้นหาทั้งหมด 500 ครั้ง แต่มีคนคลิก 30 ครั้ง แสดงว่ามีค่า CTR 6%
นอกจากนี้ Google ยังดูค่าอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น Bounce rate หรือ อัตราการตีกลับ หมายถึง การเข้าชมแค่หน้าเดียวแล้วออกจากเว็บเลย ซึ่งอาจสะท้อนว่าข้อมูลไม่ตรงกับความต้องการ จึงไม่อยากจะอ่านต่อ, Page Time spent หรือ ระยะเวลาที่อยู่ในหน้าเพจ และ Pageview per visit หรือ จำนวนหน้าที่เปิดต่อการเข้าเว็บไซต์ เป็นต้น
Local SEO ดีต่อธุรกิจในพื้นที่อย่างไร
ถามว่าการทำ “Local SEO” ดีต่อธุรกิจในพื้นที่อย่างไร..ข้อดีคือ คุณจะสามารถ “เข้าถึงลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ได้” คุณจึงไม่พลาดโอกาสที่จะดึงผู้คนในละแวกใกล้เคียงให้มาอุดหนุนที่ร้าน ซึ่งจะเหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่ต้องการดึงคนเข้าร้าน มากกว่าแค่แวะการเข้าชมเว็บแล้วโทรสั่งสินค้า
มันจะดีต่อธุรกิจคุณแน่นอน ถ้าหากมีคนค้นหาคำว่า “ร้านกาแฟ“ แถวลาดพร้าว และร้านกาแฟเล็กๆ ของคุณก็แสดงผลขึ้นมาพร้อมรูปกาแฟ บรรยากาศที่ร้าน เบอร์โทร ที่ตั้ง พร้อมด้วยรีวิวกาแฟนแสนอร่อยจากลูกค้า เบียดร้านกาแฟแบรนด์ดังในไทยหลายๆ แบรนด์ ไปได้แบบงงๆ เลย ทั้งหมดนี้ก็เพราะ “Local SEO” นั่นเองค่ะ